การอาบน้ำละหมาด
การอาบน้ำละหมาดแปลตามศัพท์ศาสนา
หมายถึง การใช้น้ำในอวัยวะที่ถูกเจาะจงไว้ โดยเริ่มจากการเหนียต
การอาบน้ำละหมาดได้ถูกวางบทบัญญัติมาในค่ำคืนอิสเราะ เมียะอฺรอจญ์พร้อมกับการละหมาด
ก่อนที่ท่าน นบีจะอพยพ
ในช่วงแรกการอาบน้ำละหมาดถือเป็นวายิบเมื่อจะทำละหมาดทุกๆครั้ง
ต่อมาฮุก่มดังกล่าวได้ถูกยกเลิกกลายเป็นวายิบจะต้องอาบน้ำละหมาดเมื่อมีฮะดัส
เงื่อนไขของการอาบน้ำละหมาด
1.จะต้องเป็นมุสลิม
2.จะต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว
3.จะต้องรู้วิธีการอาบน้ำละหมาด
4.จะต้องมั่นใจว่ามีฮะดัส
5.น้ำจะต้องเป็นน้ำมุตลัก
6.ต้องไม่มีสิ่งที่มากันน้ำกับอวัยวะที่อาบน้ำละหมาด
เช่น ขี้เล็บ พลาสเตอร์แปะแผล เป็นต้น
7.ต้องไม่มีสิ่งที่มาห้ามการอาบน้ำละหมาด
เช่นเฮด เป็นต้น
เงื่อนไขที่เพิ่มมาสำหรับผู้ที่มีเหตุจำเป็น
สำหรับผู้ที่มีเหตุจำเป็น เช่น ผู้ที่มีปัสสาวะกระปริดกระปรอย
หรือ ผู้ที่มีเลือดอิสติฮาเดาะห์ เป็นต้น การอาบน้ำละหมาดของเขาจะต้องมีเงื่อนไขเพิ่มมาอีก
3 ข้อ คือ
1.จะต้องเข้าเวลาละหมาดก่อน
2.จะต้องขจัดนะยิสที่ออกมา
ได้แก่ปัสสาวะและเลือดให้หมดและต้องป้องกันไม่ให้ไหลออกมาอีกด้วยกับสำลีหรือผ้าอนามัยก็ใช้ได้
3.จะต้องต่อเนื่องกันระหว่างการขจัดนะยิสและการอาบน้ำละหมาด
และการอาบน้ำละหมาดต้องต่อเนื่องกันหลังจากนั้น ให้รีบละหมาดทันที
ฟัรดูของการอาบน้ำละหมาดมี 6 ประการ
1.เหนียต
คือการมุ่งทำสิ่งหนึ่งพร้อมทั้งลงมือทำสิ่งนั้น
ให้เหนียติอาบน้ำละหมาดตอนที่น้ำถูกส่วนหนึ่งส่วนใดของใบหน้า
และมีสุนัตให้กล่าวคำนำเหนียติดังนี้
نَوَيْتُ الْوُضُوْءَ فَرْضًا عَلَيَّ للهِ
تَعَالَى
ให้เหนียตว่า
ข้าพเจ้าอาบน้ำละหมาดซึ่งเป็นฟัรดูเหนือข้าพเจ้าเพื่ออัลลอฮ์ตะอาลา
2.ล้างใบหน้าให้ทั่วเขตของใบหน้า
เขตของใบหน้าก็คือตั้งแต่ชายผมที่หน้าผากจนถึงใต้คางและช่วงระหว่างติ่งหูทั้งสองข้าง และ ถ้าหากมีขนในเขตใบหน้า
วายิบต้องล้างขนดังกล่าวจนถึงผิวหนังใต้ขนนั้น
ส่วนเคราของผู้ชายที่หนา
และขนที่แก้มที่หนา ให้ล้างแต่เพียงภายนอกเท่านั้น
ต่างกันกับเคราของผู้หญิงถึงแม้ว่ามันจะหนาก็ตาม วายิบต้องล้างเข้าไปถึงผิงหนังใต้เครานั้น
วายิบจะต้องล้างผิวหนังที่อยูใกล้บริเวณใบหน้า เช่น ที่ชายผม ที่ใต้คาง
ที่ลำคอข้างใบหน้าเป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าการล้างใบหน้านั้นทั่วจริงๆ
3.ล้างแขนทั้งสองข้างพร้อมทั้งข้อศอก หากเขาไม่มีข้อศอก
ก็ให้พิจารณาล้างเขตที่น่าจะเป็นข้อศอกโดยเปรียบเทียบกับคนปกติที่รูปร่างใกล้เคียงกับเขา
วายิบต้องล้างขน และก้อนเนื้อที่งอกออกมาจากแขนของเขา
และวายิบล้างเล็บจนถึงส่วนที่อยู่ใต้เล็บ และนิ้วมือที่เกินมา หากใต้เล็บมีขี้ไคล
ก็วายิบต้องเอาออกให้หมด
4.เช็ดบางส่วนของศีรษะ หรือเช็ดบางส่วนของผมที่อยู่ในเขตศีรษะเมื่อดึงผมลงมาด้านล่าง
ไม่ว่าหญิงหรือชาย หากเขาใช้การล้างแทนการเช็ดก็ถือว่าใช้ได้
5.ล้างเท้าทั้งสองข้างพร้อมทั้งตาตุ่มทั้งสอง และวายิบต้องล้างขน
เนื้อที่งอกออกมาจากเท้า หรือนิ้วเท้าที่เกินมา และถ้าหากเท้าของเขาไม่มีตาตุ่ม
ก็ให้พิจารณาล้างเขตที่น่าจะเป็นตาตุ่มโดยเทียบกับคนที่รูปร่างใกล้เคียงกับเขา
6.
เรียงตามลำดับตั้งแต่ข้อหนึ่งถึงข้อห้า
สุนัตต่างของการอาบน้ำละหมาด
1.กล่าว
“อะอูซุบิ้ลลาฮิมินัชชัยตอนิ้รร่อญีม บิ้ลมิ้ลลาฮิ้รเราะห์มานิ้รร่อฮีม”
ในตอนเริ่มอาบน้ำละหมาด คือกล่าวในขณะล้างมือทั้งสองข้าง
2.ล้างมือทั้งสองจนถึงข้อมือ ก่อนที่จะบ้วนปาก
หากล้างมือหลังจากบ้วนปากไปแล้ว ถือว่าไม่ได้สุนัตของการล้างมือ
3.บ้วนปากหลังจากล้างมือทั้งสอง
4.สูดน้ำเข้าจมูกหลังจากบ้วนปาก
6.เช็ดใบหูทั้งสองข้าง
ทั้งภายนอกและ ภายใน ด้วยกับน้ำใหม่ที่ไม่ใช่รอยเปียกจากการเช็ดศีรษะ วิธีการเช็ด
ให้เอานิ้วชี้แหย่เข้าไปในรูหู แล้ววนนิ้วชี้ตามกลีบหูให้ทั่ว
แล้วลากนิ้วหัวแม่มือที่ใบหูด้านนอก
หลังจากนั้นให้เอามือทั้งสองข้างประกบที่หูทั้งสอง เพื่อให้การเช็ดหูนั้นทั่วถึง
7.ใช้นิ้วมือสางเคราที่หนาของผู้ชาย
วิธีที่ดีที่สุด ให้สางเคราจากทางด้านล่าง
8.สางนิ้วมือและนิ้วเท้า สำหรับนิ้วที่น้ำสามารถเข้าได้โดยไม่ต้องสาง
แต่หากน้ำไม่สามารถเข้าถึงได้ วายิบต้องสาง
วิธีการสาง ให้สางนิ้วมือทั้งสองโดยเอามือซ้ายทับลงบนหลังมือขวา
แล้วเอานิ้วมือซ้ายสางในซอกนิ้วหลังมือขวา แล้วสลับกันและสางนิ้วเท้าทั้งสองโดยเอานิ้วก้อยมือซ้ายสอดเข้าช่องนิ้วก้อยเท้าขวา
แล้วดึงขึ้นเรียงตามลำดับจนถึงช่องนิ้วก้อยเท้าซ้าย
9.ให้ล้างข้างขวาก่อนข้างซ้าย
สำหรับอวัยวะที่ต้องล้างทีละข้าง
10.ล้างและเช็ดอย่างละ สามครั้ง
11.ทำน้ำละหมาดแบบต่อเนื่อง กล่าวคือ
การล้างหรือเช็ดแต่ละอวัยวะจะต้องต่อเนื่องกัน ไม่ทิ้งช่วงกันนาน
โดยที่อวัยวะที่ถูกล้างแล้วจะต้องยังไม่แห้ง ก่อนที่จะล้างอวัยวะถัดไป
12.ล้างให้เกินเขตใบหน้าและแขน ขา
13.การถูอวัยวะต่างๆในตอนที่ล้าง
14.อย่าพูดคุย หากไม่มีเหตุจำเป็นในขณะที่กำลังอาบน้ำละหมาดอยู่
15.อย่าซับน้ำออกจากอวัยวะที่อาบน้ำละหมาด
16.ให้ละหมาด 2
ร่อกาอัตหลังจากอาบน้ำละหมาดเสร็จแล้ว
17.เมื่ออาบน้ำละหมาดเสร็จแล้ว
ให้ผินหน้าไปทางกิบละห์พร้อมยกมือขึ้นดุอา
ดังต่อไปนี้ :-
اَشْهَدُ
اَنْ لاَّ اِلَهَ اِلاَّ اللهُ وَحْدَهُ لاَشَرِيْكَ لَهُ / وَاَشْهَدُ اَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُوْلُهُ / اَللَّهُمَّ اجْعَلْنِيْ مِنَ التَّوَّابِيْنَ/ وَاجْعَلْنِيْ مِنَ اْلمُتَطَهِّرِيْنَ/ وَاجْعَلْنِيْ مِنْ عِبَادِكَ الصَّالِحِيْنَ/ سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ وَبِحَمْدِكَ/ اَشْهَدُ اَنْ لاَّ اِلَهَ اِلاَّ اَنْتَ/ اَسْتَغْفِرُكَ وَاَتُوْبُ اِلَيْكَ / وَصَلَّى اللهُ عَلَى سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ /وَعَلَى اَلِهِ وَصَحْبِهِ وَسَلَّمَ / وَالْحَمْدُللهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ.
ประการต่างๆที่มักโระห์ในการอาบน้ำละหมาด
1.ใช้น้ำอาบน้ำละหมาดอย่างฟุ่มเฟือย
2.ทำข้างซ้ายก่อนข้างขวา
3.ทำเกิน 3 ครั้ง
4.ขอความช่วยเหลือผู้อื่นให้มาล้างอวัยวะให้โดยไม่มีเหตุจำเป็น
5.บ้วนปากและสูดน้ำเข้าจมูกลึกเกินไปสำหรับผู้ที่ถือศีลอด
เหตุที่ทำให้เสียน้ำละหมาด มี 5 ประการ
1.มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกมาจากทวารหนักหรือทวารเบา
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ออกมาตามปกติ หรือไม่ปกติก็ตาม เช่น ปัสสาวะ เลือด เป็นต้น
หรือไม่ว่าสิ่งที่ออกมาจะเป็นน่ายิสหรือไม่ก็ตาม เช่นพยาธิ เป็นต้น ยกเว้น น้ำอสุจิที่ออกมาโดยไม่มีการสัมผัสฝ่ามือกับอวัยวะเพศ
2.นอนหลับโดยก้นไม่แนบชิดกับพื้นที่ตนนั่ง
เช่นนอนตะแคง นอนหงาย เป็นต้น
3.หมดสติด้วยเหตุเป็นลม เป็นบ้า
ป่วย หรือเมา
4.การกระทบกันระหว่างชาย หญิง
ด้วยกับผิวหนังโดยไม่มีของกั้น ซึ่งชายหญิงนั้นซาเราะอฺยอมให้แต่งงานกันได้ และมีความรู้สึกทางเพศแล้วทั้งคู่
5.กระทบทวารหนักหรือทวารเบา ของตนเองหรือคนอื่น คนเป็นหรือคนตาย จะติดอยู่ที่ร่างกายหรือจากไปแล้วก็ตาม ด้วยฝ่ามือโดยปราศจากของกั้น
ข้อห้ามสำหรับผู้ไม่มีน้ำละหมาดมี 3
ประการ
1.ห้ามละหมาดทั้งฟัรดูและสุนัต
2.ห้ามตอว้าฟ
ทั้งฟัรดูและสุนัต
3.ห้ามจับ กระทบ ทูน
ถือ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เว้นแต่ในกรณีคับขัน เช่น
ตกอยู่ที่น่ายิสทางเดิน ไฟจะไหม้
หรือสถานที่อันไม่สมควร เป็นต้น