วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การอาบน้ำละหมาด


การอาบน้ำละหมาด
การอาบน้ำละหมาดแปลตามศัพท์ศาสนา หมายถึง การใช้น้ำในอวัยวะที่ถูกเจาะจงไว้ โดยเริ่มจากการเหนียต
     การอาบน้ำละหมาดได้ถูกวางบทบัญญัติมาในค่ำคืนอิสเราะ เมียะอฺรอจญ์พร้อมกับการละหมาด ก่อนที่ท่าน นบีจะอพยพ ในช่วงแรกการอาบน้ำละหมาดถือเป็นวายิบเมื่อจะทำละหมาดทุกๆครั้ง ต่อมาฮุก่มดังกล่าวได้ถูกยกเลิกกลายเป็นวายิบจะต้องอาบน้ำละหมาดเมื่อมีฮะดัส
เงื่อนไขของการอาบน้ำละหมาด
1.จะต้องเป็นมุสลิม
2.จะต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว
3.จะต้องรู้วิธีการอาบน้ำละหมาด
4.จะต้องมั่นใจว่ามีฮะดัส
5.น้ำจะต้องเป็นน้ำมุตลัก
6.ต้องไม่มีสิ่งที่มากันน้ำกับอวัยวะที่อาบน้ำละหมาด เช่น ขี้เล็บ พลาสเตอร์แปะแผล เป็นต้น
7.ต้องไม่มีสิ่งที่มาห้ามการอาบน้ำละหมาด เช่นเฮด เป็นต้น

เงื่อนไขที่เพิ่มมาสำหรับผู้ที่มีเหตุจำเป็น
     สำหรับผู้ที่มีเหตุจำเป็น เช่น ผู้ที่มีปัสสาวะกระปริดกระปรอย หรือ ผู้ที่มีเลือดอิสติฮาเดาะห์ เป็นต้น การอาบน้ำละหมาดของเขาจะต้องมีเงื่อนไขเพิ่มมาอีก 3 ข้อ คือ
1.จะต้องเข้าเวลาละหมาดก่อน
2.จะต้องขจัดนะยิสที่ออกมา ได้แก่ปัสสาวะและเลือดให้หมดและต้องป้องกันไม่ให้ไหลออกมาอีกด้วยกับสำลีหรือผ้าอนามัยก็ใช้ได้
3.จะต้องต่อเนื่องกันระหว่างการขจัดนะยิสและการอาบน้ำละหมาด และการอาบน้ำละหมาดต้องต่อเนื่องกันหลังจากนั้น ให้รีบละหมาดทันที [1]
ฟัรดูของการอาบน้ำละหมาดมี 6 ประการ
1.เหนียต[2] คือการมุ่งทำสิ่งหนึ่งพร้อมทั้งลงมือทำสิ่งนั้น ให้เหนียติอาบน้ำละหมาดตอนที่น้ำถูกส่วนหนึ่งส่วนใดของใบหน้า และมีสุนัตให้กล่าวคำนำเหนียติดังนี้
نَوَيْتُ الْوُضُوْءَ فَرْضًا عَلَيَّ للهِ تَعَالَى
ให้เหนียตว่า ข้าพเจ้าอาบน้ำละหมาดซึ่งเป็นฟัรดูเหนือข้าพเจ้าเพื่ออัลลอฮ์ตะอาลา
2.ล้างใบหน้าให้ทั่วเขตของใบหน้า เขตของใบหน้าก็คือตั้งแต่ชายผมที่หน้าผากจนถึงใต้คางและช่วงระหว่างติ่งหูทั้งสองข้าง   และ ถ้าหากมีขนในเขตใบหน้า วายิบต้องล้างขนดังกล่าวจนถึงผิวหนังใต้ขนนั้น
    ส่วนเคราของผู้ชายที่หนา[3] และขนที่แก้มที่หนา ให้ล้างแต่เพียงภายนอกเท่านั้น ต่างกันกับเคราของผู้หญิงถึงแม้ว่ามันจะหนาก็ตาม วายิบต้องล้างเข้าไปถึงผิงหนังใต้เครานั้น[4]
    วายิบจะต้องล้างผิวหนังที่อยูใกล้บริเวณใบหน้า เช่น ที่ชายผม ที่ใต้คาง ที่ลำคอข้างใบหน้าเป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าการล้างใบหน้านั้นทั่วจริงๆ
3.ล้างแขนทั้งสองข้างพร้อมทั้งข้อศอก หากเขาไม่มีข้อศอก ก็ให้พิจารณาล้างเขตที่น่าจะเป็นข้อศอกโดยเปรียบเทียบกับคนปกติที่รูปร่างใกล้เคียงกับเขา
    วายิบต้องล้างขน และก้อนเนื้อที่งอกออกมาจากแขนของเขา และวายิบล้างเล็บจนถึงส่วนที่อยู่ใต้เล็บ และนิ้วมือที่เกินมา หากใต้เล็บมีขี้ไคล ก็วายิบต้องเอาออกให้หมด
4.เช็ดบางส่วนของศีรษะ หรือเช็ดบางส่วนของผมที่อยู่ในเขตศีรษะเมื่อดึงผมลงมาด้านล่าง ไม่ว่าหญิงหรือชาย หากเขาใช้การล้างแทนการเช็ดก็ถือว่าใช้ได้[5]
5.ล้างเท้าทั้งสองข้างพร้อมทั้งตาตุ่มทั้งสอง และวายิบต้องล้างขน เนื้อที่งอกออกมาจากเท้า หรือนิ้วเท้าที่เกินมา และถ้าหากเท้าของเขาไม่มีตาตุ่ม ก็ให้พิจารณาล้างเขตที่น่าจะเป็นตาตุ่มโดยเทียบกับคนที่รูปร่างใกล้เคียงกับเขา
6. เรียงตามลำดับตั้งแต่ข้อหนึ่งถึงข้อห้า
สุนัตต่างของการอาบน้ำละหมาด
1.กล่าว “อะอูซุบิ้ลลาฮิมินัชชัยตอนิ้รร่อญีม บิ้ลมิ้ลลาฮิ้รเราะห์มานิ้รร่อฮีม” ในตอนเริ่มอาบน้ำละหมาด คือกล่าวในขณะล้างมือทั้งสองข้าง
2.ล้างมือทั้งสองจนถึงข้อมือ ก่อนที่จะบ้วนปาก หากล้างมือหลังจากบ้วนปากไปแล้ว ถือว่าไม่ได้สุนัตของการล้างมือ
3.บ้วนปากหลังจากล้างมือทั้งสอง
4.สูดน้ำเข้าจมูกหลังจากบ้วนปาก
5.เช็ดให้ทั่วศีรษะ[6]
6.เช็ดใบหูทั้งสองข้าง ทั้งภายนอกและ ภายใน ด้วยกับน้ำใหม่ที่ไม่ใช่รอยเปียกจากการเช็ดศีรษะ วิธีการเช็ด ให้เอานิ้วชี้แหย่เข้าไปในรูหู แล้ววนนิ้วชี้ตามกลีบหูให้ทั่ว แล้วลากนิ้วหัวแม่มือที่ใบหูด้านนอก หลังจากนั้นให้เอามือทั้งสองข้างประกบที่หูทั้งสอง เพื่อให้การเช็ดหูนั้นทั่วถึง
7.ใช้นิ้วมือสางเคราที่หนาของผู้ชาย วิธีที่ดีที่สุด ให้สางเคราจากทางด้านล่าง
8.สางนิ้วมือและนิ้วเท้า สำหรับนิ้วที่น้ำสามารถเข้าได้โดยไม่ต้องสาง แต่หากน้ำไม่สามารถเข้าถึงได้ วายิบต้องสาง
       วิธีการสาง ให้สางนิ้วมือทั้งสองโดยเอามือซ้ายทับลงบนหลังมือขวา แล้วเอานิ้วมือซ้ายสางในซอกนิ้วหลังมือขวา แล้วสลับกันและสางนิ้วเท้าทั้งสองโดยเอานิ้วก้อยมือซ้ายสอดเข้าช่องนิ้วก้อยเท้าขวา  แล้วดึงขึ้นเรียงตามลำดับจนถึงช่องนิ้วก้อยเท้าซ้าย
9.ให้ล้างข้างขวาก่อนข้างซ้าย สำหรับอวัยวะที่ต้องล้างทีละข้าง
10.ล้างและเช็ดอย่างละ สามครั้ง
11.ทำน้ำละหมาดแบบต่อเนื่อง กล่าวคือ การล้างหรือเช็ดแต่ละอวัยวะจะต้องต่อเนื่องกัน ไม่ทิ้งช่วงกันนาน โดยที่อวัยวะที่ถูกล้างแล้วจะต้องยังไม่แห้ง ก่อนที่จะล้างอวัยวะถัดไป
12.ล้างให้เกินเขตใบหน้าและแขน ขา[7]
13.การถูอวัยวะต่างๆในตอนที่ล้าง
14.อย่าพูดคุย หากไม่มีเหตุจำเป็นในขณะที่กำลังอาบน้ำละหมาดอยู่
15.อย่าซับน้ำออกจากอวัยวะที่อาบน้ำละหมาด
16.ให้ละหมาด 2 ร่อกาอัตหลังจากอาบน้ำละหมาดเสร็จแล้ว[8]
17.เมื่ออาบน้ำละหมาดเสร็จแล้ว  ให้ผินหน้าไปทางกิบละห์พร้อมยกมือขึ้นดุอา  ดังต่อไปนี้ :-
اَشْهَدُ اَنْ لاَّ اِلَهَ اِلاَّ اللهُ وَحْدَهُ لاَشَرِيْكَ لَهُ / وَاَشْهَدُ اَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُوْلُهُ / اَللَّهُمَّ اجْعَلْنِيْ مِنَ التَّوَّابِيْنَ/ وَاجْعَلْنِيْ مِنَ اْلمُتَطَهِّرِيْنَ/ وَاجْعَلْنِيْ مِنْ عِبَادِكَ الصَّالِحِيْنَ/ سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ وَبِحَمْدِكَ/ اَشْهَدُ اَنْ لاَّ اِلَهَ اِلاَّ اَنْتَ/ اَسْتَغْفِرُكَ وَاَتُوْبُ اِلَيْكَ / وَصَلَّى اللهُ عَلَى سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ /وَعَلَى اَلِهِ وَصَحْبِهِ وَسَلَّمَ / وَالْحَمْدُللهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ.
ประการต่างๆที่มักโระห์ในการอาบน้ำละหมาด
1.ใช้น้ำอาบน้ำละหมาดอย่างฟุ่มเฟือย
2.ทำข้างซ้ายก่อนข้างขวา
3.ทำเกิน 3 ครั้ง
4.ขอความช่วยเหลือผู้อื่นให้มาล้างอวัยวะให้โดยไม่มีเหตุจำเป็น
5.บ้วนปากและสูดน้ำเข้าจมูกลึกเกินไปสำหรับผู้ที่ถือศีลอด
เหตุที่ทำให้เสียน้ำละหมาด มี 5 ประการ
1.มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกมาจากทวารหนักหรือทวารเบา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ออกมาตามปกติ หรือไม่ปกติก็ตาม เช่น ปัสสาวะ เลือด เป็นต้น หรือไม่ว่าสิ่งที่ออกมาจะเป็นน่ายิสหรือไม่ก็ตาม เช่นพยาธิ เป็นต้น ยกเว้น น้ำอสุจิที่ออกมาโดยไม่มีการสัมผัสฝ่ามือกับอวัยวะเพศ
2.นอนหลับโดยก้นไม่แนบชิดกับพื้นที่ตนนั่ง เช่นนอนตะแคง นอนหงาย เป็นต้น
3.หมดสติด้วยเหตุเป็นลม เป็นบ้า ป่วย หรือเมา
4.การกระทบกันระหว่างชาย หญิง ด้วยกับผิวหนังโดยไม่มีของกั้น ซึ่งชายหญิงนั้นซาเราะอฺยอมให้แต่งงานกันได้  และมีความรู้สึกทางเพศแล้วทั้งคู่ [9]
5.กระทบทวารหนักหรือทวารเบา  ของตนเองหรือคนอื่น  คนเป็นหรือคนตาย  จะติดอยู่ที่ร่างกายหรือจากไปแล้วก็ตาม  ด้วยฝ่ามือโดยปราศจากของกั้น
ข้อห้ามสำหรับผู้ไม่มีน้ำละหมาดมี  3  ประการ
1.ห้ามละหมาดทั้งฟัรดูและสุนัต
2.ห้ามตอว้าฟ ทั้งฟัรดูและสุนัต
3.ห้ามจับ กระทบ  ทูน  ถือ  พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน  เว้นแต่ในกรณีคับขัน  เช่น  ตกอยู่ที่น่ายิสทางเดิน  ไฟจะไหม้ หรือสถานที่อันไม่สมควร  เป็นต้น[10]


[1] หมายเหตุ ทั้ง 3 ข้อนี้ จะต้องปฏิบัติทุกครั้งที่จะละหมาดฟัรดู
[2] การเหนียตินั้นวายิบในทุกๆอิบาดะห์ ยกเว้นการอาบน้ำมัยยิต ไม่ต้องมีเหนียติก็ได้
[3] หมายถึงเคราที่ผู้ที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่สามารถเห็นผิงหนังใต้เครานั้นได้
[4] เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงจะไม่มีเครา
[5] เพราะถือว่าการล้างนั้นมันทั่งถึงกว่าการเช็ด
[6] ส่วนการเช็ดบางส่วนของศีรษะนั้นเป็นวายิบ
[7] ส่วนที่ล้างเกินมานั้นจะเป็นรัศมีในวันกิยามะห์ในตอนที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากหลุมกุโบร์
[8] โดยให้เหนียตว่า “ข้าพเจ้าละหมาดสุนัตหลังจากอาบน้ำละหมาด เพื่ออัลลอฮ์ตะอาลา” แล้วละหมาด 2 ร่อกาอัตเหมือนละหมาดทั่วไป
[9] ส่วนการกระทบที่ไม่เสียน้ำละหมาด  คือผู้ที่ฮ่ารอมนิกาห์  1.พ่อแม่  ลูกของลูก  ถัดๆ  ขึ้นหรือถัดๆ  ลงไป     2.พี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกัน  หรือร่วมพ่อ หรือร่วมแม่เดียวกัน       3.ลูกของพี่น้อง  หรือลูกของลูกพี่น้อง  ถัด ๆ ไป          4.พี่น้องของพ่อหรือของแม่           5.แม่ยายกับลูกเขย  พ่อผัวกับลูกสะใภ้       6.ลูกเลี้ยง  หรือลูกของลูกเลี้ยง ถัดๆ ไป            7.ผู้ที่ดื่มนมร่วมกัน
[10] ส่วนการที่เด็กที่รู้เดียงสาที่ไม่มีน้ำละหมาดได้กระทบกุรอ่านในตอนที่เรียนกุรอ่านถือว่าอนุญาต 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น